ความเป็นมา

บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด กับกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2547 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสาหร่ายแปรรูปภายใต้ตราสินค้า "เถ้าแก่น้อย".

บริษัทฯ ได้ทำการเพิ่มทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ โดยเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2556 บริษัทฯ ได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 บริษัทฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้ว (เพิ่มทุน) เป็น 345 ล้านบาท โดยเป็นการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปจำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อระดมทุนสำหรับพัฒนาเครื่องจักร และเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงงานผลิตสินค้าจำนวน 2 โรงงาน ได้แก่ “โรงงานนพวงศ์ (NPW)” ตั้งอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี และ “โรงงานโรจนะ (RJN)” จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีสำนักงานขายในประเทศสหรัฐอเมริกา

ทุนจดทะเบียน
345 ล้านบาท
ก่อตั้ง
21 ปี
พัฒนาการที่สำคัญของบริษัทฯ ในการประกอบธุรกิจนับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทฯ มีดังต่อไปนี้
ปี 2547
ปี 2547
  • จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท พร้อมเปิดโรงงานผลิตที่สำนักงานท่าอิฐ
ปี 2548
ปี 2548
  • เริ่มจำหน่ายสินค้าไปยังต่างประเทศเป็นครั้งแรก โดยประเทศแรกที่เริ่มเปิดตลาด คือ ประเทศสิงคโปร์
ปี 2549
ปี 2549
  • ย้ายโรงงานผลิตจากท่าอิฐ มายังโรงงานแห่งใหม่ที่บางบัวทอง
ปี 2550
ปี 2550
  • ขยายกำลังการผลิต โดยเปิดโรงงานผลิตแห่งที่ 2 ที่นพวงศ์
  • บริษัทฯ สามารถทำรายได้จากการขายมากกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี
ปี 2552
ปี 2552
  • บริษัทฯ จัดตั้ง บริษัทเถ้าแก่น้อย เรสเตอร์รองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ จำกัด ("TKNRF") เพื่อประกอบธุรกิจร้านจำหน่ายขนมขบเคี้ยวและของฝาก ภายใต้ชื่อ "เถ้าแก่น้อยแลนด์"
ปี 2553
ปี 2553
  • บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ว้อนท์มอร์ อินดัสตรี้ จำกัด ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท เถ้าแก่น้อย แคร์ จำกัด”
ปี 2554
ปี 2554
  • บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เอ็นซีพี เทรดดิ้ง แอนด์ ซัพพลาย จำกัด ("NCP") เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผงปรุงรส
  • บริษัทฯ สามารถทำรายได้จากการขายมากกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี
ปี 2556
ปี 2556
  • แปรสภาพบริษัทเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
ปี 2558
ปี 2558
  • บริษัทฯ เริ่มก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ
  • บริษัทฯได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน (IPO) จำนวน 360 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4 บาท แก่ประชาชนทั่วไป
  • หลักทรัพย์ของบริษัทฯ (TKN) จดทะเบียนทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 3 ธันวาคม 2558
  • บริษัทฯ สามารถทำรายได้จากการขายมากกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี
ปี 2559
ปี 2559
  • เปิดดำเนินการโรงงาน ณ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ
  • บริษัทฯ สามารถทำรายได้จากการขายมากกว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี
ปี 2560
ปี 2560
  • บริษัทฯ เข้าซื้อกิจการ GIM Factory Inc. (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Taokaenoi USA Inc.) โรงงานผลิตสาหร่ายอบ ณ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • บริษัทฯ สามารถทำรายได้จากการขายมากกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี
ปี 2562
ปี 2562
  • บริษัทฯ ปรับรูปแบบการดำเนินงาน Taokaenoi USA Inc. จากโรงงานและจัดจำหน่าย เป็นสำนักงานดูแลการขายภูมิภาคสหรัฐอเมริกา
ปี 2563
ปี 2563
  • เริ่มดำเนินการควบรวมโรงงานนพวงศ์ และโรงงานนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ โดยจะย้ายฐานการผลิตทั้งหมดไปยังโรงงานนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ
ปี 2565
ปี 2565
  • ปรับปรุงการจัดการช่องทางการจัดจำหน่ายในตลาด Traditional Trade ของตลาดในประเทศ เพื่อให้ครอบคลุมกับร้านค้าย่อย มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการตลาดในประเทศ โดยร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่นเป็นพันธมิตร 14 รายในไทยกระจายอยู่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ
ปี 2566
ปี 2566
  • ยอดขายฟื้นตัวกลับมาสูงกว่าช่วงการแพร่ระบาดโควิด 19 และมีกำไรสูงสุดในรอบ 6 ปี
ปี 2567
ปี 2567
  • บริษัทมีการเติบโตทั้งในด้านยอดขายและกำไรอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สามติดต่อกันนับจากหลังสถานการณ์โควิด-19 และเป็นปีที่บริษัทสามารถสร้างสถิติใหม่ (New High) ของยอดขายและกำไรสูงที่สุดในรอบ 20 ปี โดยมียอดขายอยู่ที่ 5,712 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 836 ล้านบาท
  • ได้รับการรับรองการเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Thai Private Sector Collective Action Against Corruption (CAC))
  • ยกระดับวัฒนธรรมองค์กรใหม่ สู่วัฒนธรรม TKN GREAT